ศึกเดือด เลือดสาด FTX & Binance สรุปประเด็น
และผลกระทบต่อ NFT by NFT360
FTX คือ หนึ่งในกระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Top3) และได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2019 โดยชายชาวอเมริกันอายุ 30 ปีนามว่า Samuel Bankman-Fried ให้บริการการเทรดแบบ OTC ออปชั่น การเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และยังมีบริการเทรด FTX Stocks ที่ให้บริการซื้อขายหุ้นในบริษัทระดับโลกได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้น มีพัฒนาเหรียญประจำแพลตฟอร์มออกมา โดยใช้ชื่อว่า FTT ใช้ในการเป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมและรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น การออมเงินได้ดอกเบี้ยพิเศษ การได้รับสิทธิ์ลงทุนในโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ที่ทาง FTX มีส่วนร่วม เป็นต้น
Binance คือกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Top1) ตามปริมาณการซื้อขาย เปิดตัวเมื่อปี 2017 โดยชาวแคนาดาเชื้อสายจีนนามว่า Changpeng Zhao (CZ) ให้บริการการเทรดแบบ OTC ออปชั่น การเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) การออมเงินในรูปแบบดิจิทัล และรวมไปถึงมีการเปิดตลาดซื้อขาย NFT ที่อยู่บนกระดานซื้อขายแบบทั่วไป มีการพัฒนาเหรียญประจำแพลตฟอร์มออกมา โดยใช้ชื่อว่า BNB ใช้ในการเป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมและรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น การฝากเหรียญแล้วรับผลตอบเป็นเหรียญโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ที่ต้องการจะซื้อขายบนกระดานเทรด Binance และยังมีการพัฒนา Smart Contract ของตัวเองขึ้นมาอย่าง Binance Smart Chain (BEP2) ที่ทำให้มูลค่าและการใช้งานของเหรียญ BNB เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เกิดอะไรขึ้นระหว่างยักษ์ใหญ่ FTX และ Binance ที่ต่างเป็นทั้งคู่ซี้ คู่แค้นและกระดานเทรดหลักแห่งโลกคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงทั้งสองแพลตฟอร์มยังมีการซื้อขายเหรียญประจำแพลตฟอร์มซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ Binance ยังลงทุนในเหรียญประจำแพลตฟอร์มของ FTX อย่าง FTT เป็นจำนวนมาก หลังจากเกริ่นความเป็นมาของทั้งสองยักษ์ใหญ่มาเนิ่นนานทางเพจ NFT360 จะสรุปมหากาพย์ของศึกสองกระดานเทรดใหญ่เป็นลำดับขั้น ดังนี้
เกิดอะไรขึ้นระหว่างยักษ์ใหญ่ FTX และ Binance ?
ที่ต่างเป็นทั้งคู่ซี้ คู่แค้นและกระดานเทรดหลักแห่งโลกคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงทั้งสองแพลตฟอร์มยังมีการซื้อขายเหรียญประจำแพลตฟอร์มซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ Binance ยังลงทุนในเหรียญประจำแพลตฟอร์มของ FTX อย่าง FTT เป็นจำนวนมาก หลังจากเกริ่นความเป็นมาของทั้งสองยักษ์ใหญ่มาเนิ่นนานทางเพจ NFT360 จะสรุปมหากาพย์ของศึกสองกระดานเทรดใหญ่เป็นลำดับขั้น ดังนี้
1) วันอาทิตย์ที่ 6 ที่ผ่านมา CZ ซีอีโอของ Binance ประกาศผ่าน Twitter ว่าแพลตฟอร์ม Binance จะขายเหรียญ FTT ออกมาทั้งหมด เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยประวัติศาสตร์ Luna
2) ราคาของเหรียญ FTT ตกลงทันทีประมาณ 10% นักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับมูลค่าที่แท้จริงของเหรียญ FTT รวมถึงคิดว่าเกิดการผลิตออกมาเหรียญโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับและมีมูลค่าที่สูงเกินความเป็นจริง อีกทั้งยังเชื่อมโยงไปถึง Alameda Research บริษัทลูกของ FTX ที่ถือครองเหรียญ FTT อยู่เป็นจำนวนมาก ว่าอาจจะมีการบันทึกบัญชีมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทสูงเกินจริงตามราคา FTT และชุมชนได้ขุดคุ้ยถึงหนี้สินที่ไม่ชัดเจน และสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ ไม่พร้อมแก่การชำระหนี้
3) ความกลัวเข้าครอบงำเหล่านักลงทุน และประวัติศาสตร์ได้สอนบางสิ่ง ทำให้นักลงทุนพร้อมใจกันถอนเงินออกจากแพลตฟอร์ม FTX ซึ่งต่อมาได้มีการประกาศปิดการถอนเหรียญในบางสกุลช่วงวันอังคารที่ 8
4) ราคาของเหรียญ FTT ร่วงวันเดียวกว่า 75% นักลงทุนหมดเชื่อมั่น CEO ของทาง FTX พยายามขอติดต่อพูดคุยกับ CEO ของ Binance หรือ CZ
5) ผลการพูดคุยได้ความว่า มีการลงนามช่วยเหลือหรืออาจจะตัดสินใจลงทุนโดยจะต้องพิจารณาจากสถานการณ์ของธุรกิจ FTX ภายไม่กี่วันข้างหน้าซึ่งเป็นหนังสือสัญญาที่”ไม่มีภาระผูกพันธ์ใดทั้งสิ้น”
6) ราคาของเหรียญ FTT ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากนักลงทุนคิดว่า ทาง Binance จะช่วยเหลือหรือลงทุนกับบริษัท FTX
7) ผลสุดท้ายจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีความชัดเจนใด ๆ จากทั้งสองฝ่าย ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมาเทขายเหรียญ FTT อีกครั้ง และผู้บริหารกระดานเทรดอื่น ได้มีการออกมายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือลงทุนใดๆ ใน FTX ทั้งนั้น ยิ่งตอกย้ำความกลัวของนักลงทุน
9) เมื่อนักลงทุนหวาดกลัวต่อการล่มสลายของกระดานเทรด FTX ซึ่งเป็นกระดานเทรดระดับ Top3 ทำให้มีการเผยแพร่ข่าวอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดความกลัวเป็นวงกว้าง ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ใช้กระดานเทรด FTX เท่านั้น ทำให้ผู้คนได้ทำการเทขายเหรียญอื่น ๆ ตามมาด้วยซึ่งส่งผลต่อภาพรวมตลาดทั้งหมด
จะส่งผลอะไรต่อ NFT ?
เนื่องจาก NFT มีพื้นฐานเดิมเป็นหนึ่งในคริปโตเคอร์เร็นซี่ เพียงแต่มีการพัฒนาให้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น เมื่อภาพรวมของตลาดคริปโตเคอร์เร็นซีแย่ลง ภาพรวมตลาด NFT จึงแย่ลงตามไปด้วย สังเกตุจาก NFT ระดับบน ก็มีราคาซื้อขายต่ำสุดที่ลดลงอย่างมากเช่นกัน และบางโปรเจกต์มีราคาลดลงกว่าครึ่ง!! ทั้งยังรวมไปถึงการซื้อขาย NFT มักจะใช้เหรียญคริปโคเคอร์เร็นซีเป็นเกณฑ์แลกเปลี่ยน เช่น การขาย NFT Bored Ape มักจะมีการตั้งราคาเป็นจำนวน ETH ซึ่งเมื่อแลกกลับเป็นเงินตราในประเทศ ก็จะสามารถแลกได้น้อยลงตามไปเช่นกัน ซึ่งไม่นับว่าเป็นการขาดทุนทางด้านราคา NFT ก็จริง แต่การขาดทุนอัตราการแลกเปลี่ยนก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเช่นกัน
รอบรู้ข่าวสารใหม่ๆเกี่ยวกับ NFT
โปรดติดตาม NFT360 เข้าใจง่าย ได้ครบทุกมิติ
join Discord NFT360 Community
บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข่าวของวงการ NFT มิได้ชวนเชิญการลงทุนเป็นอย่างใด
โปรดศึกษารายละเอียดให้เข้าใจก่อนลงทุน
